วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ชมพระอาทิตย์ ดอยม่อนล้าน จังหวัดเชียงใหม่

......... .
ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ ดอยม่อนล้าน จังหวัดเชียงใหม่

ดอยม่อนล้าน ตั้งอยู่ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่  มีความสูง ประมาณ 1,696 เมตร ถือว่าเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงของ อำเภอพร้าว บนยอดดอยสามารถเห็นทะเลหมอก โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตกจะมีความสวยงามมาก สามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว เขื่อนแม่งัด และตัวอำเภอพร้าวในยามค่ำคืนนักท่องเที่ยวยังจะได้ชมดาวบนดินได้อีกด้วย..........
ดอยม่อนล้าน

ดอยม่อนล้าน ..........เป็นที่ตั้งของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเพื่อให้ ชาวบ้านเข้ามามีส่วนในกิจกรรมต่างๆของสถานี บริเวณพระตำหนักที่ประทับมีดอกไม้เมืองหนาวสีสีนสวยงาม นานาพันธุ์ให้ได้ ชื่นชมและถ่ายภาพ นอกจากนี้บนดอยม่อนล้าน ยังเป็นจุดติดตั้งกังหันลมเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตามโครงการศึกษาศักยภาพการ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ม.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 แหล่ง ที่มีความเหมาะสมในการติดตั้งกังหันลมซึ่งจะทำให ้ชาวบ้านมีไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดใช้ได้ตลอด
..........
ดอยม่อนล้าน

..........ที่พักเชียงใหม่ดอยม่อนล้าน
ดอยม่อนล้านมีที่พักของโครงการเกษตรที่สูงม่อนล้าน ให้บริการจำนวน 7 หลัง พร้อมเครื่องนอน  พักได้ 4-5 คน ภายในบ้านมี ไฟฟ้าใช้ตลอดวันไม่จำกัดเวลา ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น  ค่าบริการแล้วแต่จะให้เป็นค่าบำรุงสถานที่รวมถึงสถานที่กางเต้นท์สามารถ นำเต้นท์มาเองได้ ไม่มีร้านอาหารต้องเตรียมมาเอง แต่บริเวณที่ทำการมีร้านสวัสดิการขายเครื่องดื่ม ขนม มีบริการกาแฟ โอวัลติน ติดต่อจองบ้านพักที่คุณอ้วน โทร 089 555 6816
.....

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ถ้ำเชียงดาว เป็นถ้ำที่น่าสนใจถ้ำหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

.....ถ้ำเชียงดาว เป็นถ้ำที่น่าสนใจถ้ำหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขต อำเภอเชียงดาว ตั้งอยู่เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาว ภายใน แต่ละถ้ำ มีความงามจากการเสกสรรปั้นแต่งของธรรมชาติ ชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ของหินงอกหินย้อย ที่ก่อให้ เกิด รูปร่างต่างๆเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่สวยงาม .....บางแห่งเป็นซอกหลืบ เมื่อฉายไฟ จะมีประกายระยิบระยับ สามารถจินตนาการเป็นรูปต่างๆได้มากมาย เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่อยู่ตรงที่มีน้ำใส่ไหลเย็นจากในถ้ำไหล ออกมาที่บริเวณหน้าถ้ำ เป็นอย่างนี้ชั่วนาตาปีไม่มีเหือดหาย..... และไหลมารวมกันเป็นสระน้ำมีปลาน้อยใหญ่ว่ายวนไปมา ทำให้ บรรยากาศสดชื่นและยังร่มรื่น ด้วยพันธุ์ไม้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมากและ ตรงหน้าถ้ำนี้เองเป็นที่ตั้งของ วัดถ้ำเชียงดาว.....
.....


.....สำหรับเส้นทางเดินชมถ้ำมีหลายทางดังต่อไปนี้
- เส้นทางแรก คือ ถ้ำพระนอน เส้นทางนี้ยาว 360 ม.
- เส้นทางที่ 2 คือ ถ้ำแก้ว ถ้ำน้ำ ยาว 734 ม.
- .....เส้นทางที่ 3 คือ ถ้ำมืด ถ้ำม้า ยาว 735 ม.
สองเส้นทางหลังนี้ไม่มีไฟฟ้า ถ้าต้องการเดินชมจะมีคนนำทางและตะเกียงให้ ภายในแต่ละถ้ำ ต่างมีความงามจากการเสกสรรปั้น แต่งของธรรมชาติ. . . . . ชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ของหินงอกหินย้อยที่ก่อให้เกิดรูปร่างต่างๆ มีชื่อเรียกตามลักษณะรูปทรง เช่น หินโคมไฟเทวดา หินดอกบัวบาน หินมือยักษ์ หินดอกบัวพันชั้น โดยเฉพาะภายในถ้ำแก้ว เมื่อยามกระทบแสงสว่างนั้นดูงดงาม ตระการตา เพราะจะเห็นเป็นแสงระยิบระยับคล้ายประกายของเพชรเลยทีเดียว
.....
ถ้ำเชียงดาว
.....

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่


.....
ดอยสุเทพไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ และพระตำหนัก ภูพิงค์ราชนิเวศน์ที่ประทับช่วงฤดูหนาวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทว่าดอยสูงแห่งนี้ยังสมบูรณ์ด้วยสภาพ ธรรมชาติทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่า โดยเฉพาะนก ประกอบกับการเดินทางเข้าถึงสะดวก เพราะเชิงดอยอยู่ห่างจาก ตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 6 กิโลเมตร และบนเส้นทางขึ้นสู่ยอดดอยประมาณ 16 กิโลเมตร..... ก็มีสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ ให้เที่ยวชมได้ตลอด ดอยสุเทพ เดิมชื่อว่า “ดอยอ้อยช้าง” สำหรับดอยสุเทพที่เรียกกันในปัจจุบันนี้เป็น ชื่อที่ได้มาจาก “พระฤาษีวาสุเทพ” ซึ่งเคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่เขาลูกนี้เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว
.....

ที่เที่ยวดอยสุเทพ
.....
1.อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
.....นักบุญแห่งล้านนา ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่บุกเบิกสร้างถนนขึ้นไปบนดอยสุเทพ เมื่อปี พ.ศ.2477 ในสมัยก่อนการขึ้น ไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะไม่มีถนนสะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ทางเดินก็แคบๆ และ ไม่ราบเรียบ ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนเขาต้องใช้เวลายาวนานถึง 5 ชั่วโมงกว่าจนมี คำกล่าว ขานกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า ถ้าไม่มีพลังบุญและศรัทธาเลื่อมใสจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุ ดอยสุเทพ พระครูบาศรีวิชัย ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีโสดา เริ่มชักชวนประชาชนสร้างทางจากเชิงดอยถึง วัดพระธาตุดอยสุเทพ รวมระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร โดยใช้เวลาสร้างประมาณ 6 เดือน..... ต่อมา ชาวเชียงใหม่ จึง ได้สร้างอนุสาวรีย์ ์์พระครูบาศรีวิชัยไว้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อสักการบูชาสืบไป ใกล้กับอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย สามารถเดินไปเยี่ยมชม น้ำตกห้วยแก้วระยะทางประมาณ 300 เมตร และฝั่งตรงข้ามอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เป็นที่ ตั้งที่ทำการอุทยานแห่่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
.....
.....2.วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
พระธาตุประจำปีเกิดปีมะแม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความสำคัญทางศาสนาและประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1927 มีบันไดนาคทอดยาวขึ้นไปสู่วัด 306 ขั้นภายใน วัดเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ ทรงมอญ ที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าบรรจุอยู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพมีชื่อ เต็มว่า “วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพวรวิหาร” ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปูชนียสถานที่ แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญ คู่เมืองเชียงใหม่ รอบองค์พระบรมธาตุ ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1. ฉัตร 4 มุม ทำด้วยทองเหลือง สร้างโดยพระเจ้ากาวิละ กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2348 มีความ หมายว่า ฉัตรเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น ซึ่งแสดงให้ถึงความสงบร่มเย็นที่ได้รับอิทธิพล มาจาก พระพุทธ ศาสนาที่แผ่ไปในทั้ง 4 ทิศ
2. สัตติบัญชร ..... หรือ รั้วหอก ที่อยู่รอบพระธาตุ ซึ่งมีที่มาจากเหตุการณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์
เมื่อภายหลังการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์แย่งพระบรมสารีริกธาตุของเมืองต่างๆ เพื่อนำไปไว้บูชาประจำเมือง โทณพราหมณ์จึงทำหน้าที่แบ่ง โดยให้ทหารถือหอกรอบล้อมพระบรมสารีริกธาตุไว้ เพื่อป้องกันการแย่งชิง จึงเป็นที่มาของรั้วหอกรอบพระบรมธาตุ
3. หอยอ&nbsp.....ลักษณะเหมือนวิหารขนาดเล็ก ประจำอยู่ 4 ด้าน ของพระบรมธาตุ ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มีความหมายถึงการบูชาหรือสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า (ยอคุณ)
4. หอท้าวโลกบาล ซึ่งเป็นหอยอดแหลมขนาดเล็ก ประจำอยู่ 4 มุมของพระบรมธาตุ หมายถึง ที่ประดิษฐาน
ของท้าวโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นเทพที่ปกปักรักษาสิ่งสำคัญต่างๆ 4 ทิศ ทำหน้าที่รักษาพระบรมธาตุ ได้แก่
        - ท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ มียักษ์เป็นบริวาร ทำหน้าที่เฝ้ารักษาทิศเหนือ
        - ท้าวธตรัฐ มีพวกคนธรรพ์เป็นบริวาร ทำหน้าที่รักษาทิศตะวันออก
        - ท้าววิรูฬปักข์ มีฝูงนาคเป็นบริวาร ทำหน้าที่รักษาด้านทิศตะวันตก
        - ท้าววิรุฬหก มีอสูรเป็นบริวาร ทำหน้าที่รักษาด้านทิศใต้
.....

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

.....
แม่ริม..... อำเภออีกหนึ่งอำเภอที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงงไม่ถึงสี่สิบนาทีจากตัวเมือง เราก็จะได้พบกับ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและน่าสนใจมากมาย เริ่มจาก ม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดให้เราได้ชมมากมายและด้วยการจัดตกแต่งที่ค่อยข้างจะครีเอทให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็ตาม..... ม่อนแจ่มจึงกลายเป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดและใ่ส่ไว้ในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว.....

ม่อนแจ่ม

. .........
.....ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม   มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้าให้ได้ชม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อก่อนพื้นที่ บริเวณนี้ เป็นป่ารกร้าง จนในท้ายที่สุดโครงการหลวงมาขอซื้อพื้นที่ เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะในลักษณะ ของแค้มปิ้งรีสอร์ท  ที่พักเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ข้างบน คือ ม่อนแจ่ม แคมปิ้ง รีสอร์ท มีร้านอาหารให้บริการ มีที่พักแบบเต้นท์พร้อมเครื่องนอน (ไม่อนุญาติให้นำเต้นท์ส่วนตัวมากางข้างบน) นอกจากนี้ก็จะมีที่พักของเอกชนต่างๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปม่อนแจ่ม ให้บริการอีกหลายแห่งแต่ไม่เยอะมาก.....

ม่อนแจ่ม
.....พระตำหนักดาราภิรมย์ แต่ก่อนเป็นที่ประทับของ เจ้าดารารัศมี เจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่ง หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวรรคต ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงย้ายกลับมาประทับที่เชียงใหม่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าดารารัศมีทรงใช้พระตำหนักหลังนี้ปฏิบัติพระกรณียกิจอันเป็นคุณูปการทั้งทางด้านเกษตร และศิลปะวัฒนธรรม อาทิ ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมล้านนาให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวเหนือ เป็นพระตำหนักที่ประทับสุดท้ายที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงรักและผูกพันอย่างยิ่ง.....

พระตำหนักดาราภิรมย์


.....

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ตลาดสุเทพ (ต้นพะยอม) ที่เชียงใหม่


.....ตลาดสุเทพ (ต้นพะยอม) แห่งนี้เก่าแก่หลายชั่วอายุคน เหตุที่เรียกตลาดต้นพยอม ในอดีตบริเวณนั้นคงจะมีต้นพะยอม หรือ ที่คนเมืองเรียก ต้นขะยอม ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมไกล
.....
.....เมื่อปี พ.ศ.2503 รัฐบาลได้มีมติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ พื้นที่ป่าพะยอมบริเวณเชิงดอยสุเทพดังกล่าว และมีการสร้างสนามบินในอีกหลายปีถัดมา เมื่อมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น บรรดาพ่อค้าแม่ขายในละแวกนั้นจึงหอบกระบุงกระจาด เอาเห็ดป่า ของป่า อาหารการกินมานั่งขายบริเวณร่มไม้ใต้ต้นพะยอมใหญ่ 3 ต้น .....ใกล้ทางเข้าสนามบิน ตอนเย็นเมื่อนักศึกษาและคนทำงานเลิกงานก็จะมาแวะซื้อกัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของ ‘ตลาดต้นพยอม’ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้  โดยสังเกตได้จากภาพในอดีตที่คุณลุงบุญเสริม สาตราภัย ได้บันทึกไว้ เป็นภาพถนนสุเทพในปี พ.ศ.2513 ที่ยังคงมีต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายเต็มสองข้างทาง ราวกับป่ารก บริเวณฝั่งขวาของถนน ปัจจุบันคือคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนไม้ยืนต้นสูงชะลูดตรงสุดปลายถนนก็คือต้นพะยอมบริเวณหน้าตลาดต้นพะยอม  ในปัจจุบัน
.....
.....ตลาดสุเทพ (ต้นพะยอม) นั้นเป็นตลาดเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสี่แยกที่จะขึ้นไปดอยสุเทพ ตลาดแห่งนี้มีของสารพัดที่ชาวบ้านจะนำมาขาย ทั้งอาหารสด ผัก ผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปมากมาย เป็นตลาดที่ชาวบ้านจับจ่ายในวิถีชีวิตคนเมือง..... ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นตลาดสำหรับผู้มาเยือน โดยเฉพาะไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แหนม แคบหมู ดอกไม้ ผลไม้เมืองหนาว และผลไม้ตามฤดูกาล สินค้าพื้นเมือง เป็นแหล่งรวมอาหารพื้นเมืองและของฝากจากเชียงใหม่ ที่ใหม่สด สะอาด อร่อยและราคาสมเหตุสมผล
.....
..........

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่......
....ใครหลายต่อหลายคน เมื่อได้มาเที่ยวเชียงใหม่ คงมีโปรแกรมการเที่ยวสวนราชพฤกษ์ หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศในนามมหกรรมพืชสวนโลกเมื่อปี พ.ศ. 2549  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาชม หากแหงนหน้ามองบริเวณฉากหลังของ“หอคำหลวง”จะมองเห็นพระพุทธรูปองค์สีขาว สุกสกาว ขนาดมหึมา ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนยอดดอยที่มีความเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่.....
.....แต่ว่าน้อยคนนักที่จะทราบว่า ดอยที่เขียวขจีลูกนี้ เป็นที่ตั้งของ “วัดพระธาตุดอยคำ” วัดที่มีประวัติอันเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ มานานกว่า 1,300  ปี และที่สำคัญภายในวัดมีลานชมวิว ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนราชพฤกษ์ ทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างชัดเจน.....
วัดพระธาตุดอยคำ  ตามประวัติ เมื่อ พ.ศ. 2509 กล่าวไว้ว่า ขณะนั้นวัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่อีกด้วย.....
 .....วัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียงมาตั้งแต่โบราณ และเป็นอีกวัดหนึ่งในเชียงใหม่ ที่มีความน่าสนใจในด้านการท่องเที่ยว การศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวล้านนาโบราณ  ต้นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ สืบเนื่องมาจาก เจ้าแม่อินหวัน ณ เชียงใหม่ ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์  เจ้ากุลวงศ์ ทายาทคนหนึ่งของท่านฝันว่า เจ้าแม่ขอให้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้บนที่สูง เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาจากระยะไกลได้.....
ภาพประกอบ วัดพระธาตุดอยคำจังหวัดเชียงใหม่
.........

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

โตเกียว ยากินิกุ บุฟเฟ่ร้านปิ้งย่าง สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เชียงใหม่

..........โตเกียว ยากินิกุ บุฟเฟ่ร้านปิ้งย่าง สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ มีทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู และ อาหารทะเล ให้ปิ้งย่าง แบบจุใจ.....

..... ร้านนี้ ตกแต่งในแบบญี่ปุ่น หน้าร้าน มีโคมแดง อันใหญ่เป็นจุดเด่น ภายในร้านก็มีของตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นมากมาย ทำให้เวลากิน เหมือนกินอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ บุฟเฟ่ต์ของร้านนี้ มีให้เลือก หลายราคา เริ่มต้นตั้งแต่ 399 บาท ไปจนถึง 799 บาท แต่ละ ราคา ก็จะมีเนื้อในเซตแตกต่างกันไป .....

.....เมื่อจัดการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ของที่สั่งก็ทยอยมา มี เครื่องเคียงต่าง ๆ กินกับเนื้อย่าง ผักสด ซุปเต้าหู้ ซุปสาหร่าย เมื่อ พระเอกของเรา เนื้อสีสวยๆ มีไขมันแทรกพอดีๆ มาถึง เราก็เริ่มลงมือปิ้งทันที พอเนื้อสุกได้ที่แล้ว ก็จิ้มน้ำจิ้ม วางบนผักสด ห่อ แล้วกิน อร่อยมากๆ เนื้อนุ่ม หอมมม มากกกก.....   

.....นำ้จิ้มของที่นี่ มีให้เลือก สามแบบ ทั้งแบบซอสญี่ปุ่นแท้ หรือ ใครชอบแบบไทยๆ ก็มี น้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน และ น้ำจิ้มแจ่ว ให้เลือก นอกจากเนื้อวัวแล้ว ก็ยังมีเนื้อหมู ไก่ อาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก ที่คัดมาอย่างดี ให้ปิ้งแบบจุใจ และยังมีผักหลากหลายชนิดให้ปิ้งแก้แลี่ยนได้ดี ......

แล้วที่ชอบมากๆ ของร้านนี้ คือ เวลาปิ้ง ไม่มีควันออกมามาก ถือว่าเตาดูดควันได้ดีเลยทีเดียว เพราะรู้สึกไม่ค่อยมีกลิ่นควันอาหารติดตัวมาหลังจากกินเสร็จ  

ถือว่าร้านนี้เป็นร้านปิ้งย่าง แนะนำอีกร้านเลย ลองแวะไปชิมได้ ร้านอยู่ ตรงข้าม warm up นิมมาน จะเห็นร้านกาแฟดอยช้าง เดินเข้าไปในโครงการรูม ร้านอยู่กลางๆ มีโคมญี่ปุ่นสีแดงใหญ่ๆหน้าร้าน   

*** มีเวลาในการอร่อย 2 ชั่วโมง ***

. ........